ความปลอดภัย
(ในการทำงาน) ง่ายนิดเดียว
(ตอนที่ ๑๐)
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมชี้แจงการเตรียมพร้อม เพื่อรองรับ การประกาศบังคับใช้ “กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
พ.ศ.........” ซึ่งคาดว่าจะกฎกระทรวงจะบังคับใช้ในอนาคตต่อกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน ในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย
พ.ศ. ๒๕๕๕ ภายใต้พระราชบัญญัติ ความปลอดภัยฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งจะเป็นการเติมเต็มกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
เช่น กฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม กฎหมายของกระทรวงคมนาคม เป็นต้น สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้เขียนคิดว่าผู้อ่านส่วนมากรวมทั้งผู้เขียนมีโอกาส ได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่กฎหมายของกระทรวงคมนาคมแล้วส่วนตัวผู้เขียนเองมีโอกาสค้นคว้าและนำไปปฏิบัติไม่บ่อยนักในการทำงาน
สัปดาห์นี้ผู้เขียนจึงขอแลกเปลี่ยนความรู้ที่เกี่ยวข้องมาตรการด้านความปลอดภัยใน การขนส่งที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าและเรียบเรียงจากพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ และคู่มือพัฒนาศักยภาพผูประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุก กรมการขนส่งทางบก โดยผู้เขียนไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย(ในการทำงาน) เกี่ยวกับการบรรทุกสารเคมีอันตรายเพียงด้านเดียว แต่จะรวมถึงความปลอดภัย (ในการทำงาน) ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การขนส่งวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร
เครื่องอุปโภคบริโภค ผลิตผลการเกษตร เป็นต้น
ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้แบ่งรถบรรทุกตามลักษณะรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ
๙ ลักษณะ คือ
รถลักษณะที่
๑
รถกระบะบรรทุก เป็นรถกระบะทั้งที่มีหลังคาและไม่มีหลังคา
กระบะที่มีเครื่องทุ่นแรงสำหรับยกสิ่งของที่จะบรรทุก หรือกระบะที่สามารถยกเท
รถลักษณะที่
๒ รถบรรทุกตู้
เป็นตู้ทึบที่มีหลังคาถาวร มีห้องคนขับและตัวถังบรรทุกติดกันหรือแยกกันก็ได้
รถลักษณะที่
๓ รถบรรทุกของเหลว
เป็นถังสำหรับบรรจุของเหลวที่เหมาะสมกับของเหลวที่บรรทุก
รถลักษณะที่
๔ รถบรรทุกวัตถุอันตราย
เป็นการบรรทุกที่มีลักษณะเฉพาะเพื่อบรรทุกวัตถุอันตราย เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง
สารเคมี
รถลักษณะที่
๕ รถบรรทุกเฉพาะกิจ เป็นการบรรทุกที่มีลักษณะพิเศษ เช่น
รถบรรทุกขวดเครื่องดื่ม รถผสมปูนซีเมนต์ เป็นต้น
รถลักษณะที่
๖ รถพ่วง
รถที่ไม่รถเคลื่อนด้วยตัวเองต้องมีรถลากจูง น้ำหนักบรรทุกทั้งหมดเฉลี่ยลงเพลาล้อของตัวเอง
รถลักษณะที่
๗ รถกึ่งพวง
รถที่ไม่รถเคลื่อนด้วยตัวเองต้องมีรถลากจูง
น้ำหนักบรรทุกบางส่วนเฉลี่ยลงเพลาล้อรถลากจูง
รถลักษณะที่
๘ รถกึ่งพวงบรรทุกวัสดุยาว รถที่ไม่รถเคลื่อนด้วยตัวเองต้องมีรถลากจูง
น้ำหนักบรรทุกบางส่วนเฉลี่ยลงเพลาล้อรถลากจูง และสามารถปรับระยะห่างระหว่างรถลากจูงกับรถกึ่งพวง
รถลักษณะที่
๙ รถลากจูง
เป็นรถที่ใช้ในการลากจูงรถพวง รถกึ่งพวง
และรถกึ่งพวงบรรทุกวัสดุยาวโดยเฉพาะ
ส่วนมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนส่งตามกฏหมายว่าด้วยการขนส่งและจราจรทางบก
ส่วนที่เกี่ยวกับนายจ้างและลูกจ้างที่จะต้องร่วมกันปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานและความปลอดภัยของประชาชนที่เกี่ยวข้อง
ที่พอสรุปได้ดังนี้
๑. พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.
๒๕๒๒
๑.๑
ผู้ประกอบการขนส่งต้องไม่ใช้หรือยินยอมให้ผู้ใดปฎิบัติหน้าที่ขับรถกระทำการหรือมีอาการเมาสุราหรือของมึนเมา
เสพยาเสพติดให้ให้โทษ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี
หรือปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(มาตรา ๔๐)
๑.๒
ผู้ประกอบการขนส่งต้องดูแลป้องกันมิให้ผู้ใดปฎิบัติหน้าที่ขับรถมีอาการเมาสุราหรือของมึนเมา เสพยาเสพติดให้ให้โทษ
หากปราฏว่าผู้ขับรถกระทำดังกล่าวให้ถือว่าผู้ประกอบการขนส่งฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
๔๐,๐๐๐ บาท (มาตรา ๔๐)
๑.๓ รถที่นำมาใช้ต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงและมีความปลอดภัยในการใช้งาน
หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท (มาตรา ๗๑)
๑.๔ ผู้ขับรถต้องแต่งกายสะอาดเรียบร้อยในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาท (มาตรา ๑๐๒)
๑.๕ ผู้ขับต้องไม่เสพหรือเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นขณะปฏิบัติหน้าที่ขับรถ
หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ เดือนปรับตั้งแต่ ๒,๐๐๐ บาท ถึง ๑๐,๐๐๐
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา ๑๐๒)
๑.๖ ผู้ขับรถต้องไม่ขับรถในเวลาร่างกายหรือจิตใจหย่อนความสามารถ
หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท (มาตรา ๑๐๓)
๑.๗ ผู้ขับรถต้องไม่ขับรถเกินกว่าจำนวนชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด (มาตรา ๑๐๓) คือ
ในรอบ ๒๔ ชั่วโมง
ห้ามมิให้ผู้ขับปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันเกิน
๔ ชั่วโมง นับแต่เริ่มปฎิบัติหน้าที่ขับรถ
เว้นแต่ผู้ขับรถได้พักติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง
ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ไม่เกิน ๔ ชั่วโมง
หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาท
๒. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
๒.๑ รถบรรทุกให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๓.๐๐ เมตรจากพื้นทาง
เว้นแต่รถบรรทุกที่มีความกว้างเกิน ๒.๓๐ เมตร ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๔.๐๐
เมตรจากพื้นทาง
๒.๒ รถบบรรทุกตู้สำหรับบรรทุกสิ่งของ (Container) ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๔.๒๐ เมตรจากพื้นทาง
๒.๓ รถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ๑,๒๐๐ กิโลกรัม
- ความเร็วไม่เกิน ๖๐
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯ เมืองพัทยา หรือเทศบาล
- ความเร็วไม่เกิน ๘๐
กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเขตดังกล่าว
๒.๔ รถบรรทุกขณะที่ใช้ลากจูงรถพ่วง
- ความเร็วไม่เกิน ๔๕
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯ เมืองพัทยา หรือเทศบาล
- ความเร็วไม่เกิน ๖๐
กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเขตดังกล่าว
๒.๕ รถบรรทุกซึ่งบรรทุกวัตถุอันตราย
- ความเร็วไม่เกิน ๖๐
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษฉลองรัช
- ความเร็วไม่เกิน ๗๐
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทางพิเศษบูรพาวิถี และทางอุดรรัถยา
๒.๖ ยานพาหนะบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ (สายกรุงเทพฯ-พัทยา)
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ (ถนนกาญจนาภิเษก) ทางสายถนนวงแหวนรอนนอกกรุงเทพฯ
- ความเร็วไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักไม่เกิน ๑,๒๐๐ กิโลกรัม
- ความเร็วไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถบรรทุกอื่นที่นอกเหนือจากที่ระบุข้างต้น
รวมทั้งรถบรรทุกหรือรถยนต์ขณะที่ลากจูงพ่วง
๒.๗ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถบรรทุกคน
สัตว์ หรือสิ่งของต้องจัดให้มีสิ่งป้องกินมิให้คน
สัตว์หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่นส่องแสงสะท้อนหรือปลิวไปจากรถ
อันตรายอาจก่อเหตุเดือดร้อน รำคาญ อันตรายแก่บุคคลอื่นได้กำหนดโทษ ตามมาตรา
๑๔๘ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษไม่เกิน
๕๐๐ บาท(มาตรา ๒๐)
จากที่กล่าวข้างต้น
จะเห็นได้ว่ารถบรรทุกที่อาจเป็นสาเหตุอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนได้รับอันตราย
ไม่เพียงแต่รถบรรทุกสารเคมีอันตรายเท่านั้นแต่ยังมีรถบรรทุกอีกหลายลักษณะในอุตสาหกรรมประเภทอื่น
ที่อาจเป็นสาเหตุอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เช่นกัน ซึ่งสถานประกอบกิจการควรนำข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
มากำหนดมาตราการควบคุมและป้องกัน ตั้งแต่เกณฑ์การรับสมัครผู้ปฏิบัติงานไปจนถึงการปฏิบัติงานประจำวันของผู้ปฏิบัติงาน
แหล่งที่มาข้อมูล :
๑.
พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒, กฎกระทรวงฉบับที่ ๔
๒.
กรมการขนส่งทางบก,
คู่มือพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุก, โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุก.